น้ำมันเบรคใครยังไม่เคยเปลี่ยนยกมือขึ้น 
ถ้าไม่มันใจว่าน้ำมันเบรคของท่านยังใช้ได้หรือไม่เรามีเครื่องมือตรวจเช็คให้ครับ
 
น้ำมันเบรค
 
ดูแลน้ำมันเบรคอย่างไร ?

          เราสามารถตรวจปริมาณน้ำมันเบรคได้จากในกระปุกน้ำมันเบรกที่ห้องเครื่อง (ดูได้จากคู่มือประจำรถ) ควรมีปริมาณที่ Max อยู่ตลอดเวลา หากมีการพร่องของน้ำมันควรรีบตรวจระบบเบรค

          ส่วนการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรค รถบ้านไม่ได้บรรทุกหนักใช้งานทั่ว ๆ ไป 2 ปีก็ควรเปลี่ยนสักครั้ง แต่หากเป็นรถที่ใช้บรรทุกของหนัก ออกต่างจังหวัด ขึ้นลงเขาประจำก็ควรเปลี่ยนปีละครั้งหรือตามพฤติกรรมการใช้งาน


มีการกำหนดค่ามาตรฐานสำหรับน้ำมันเบรคว่า DOT (Department of Transportation) 

           DOT 2 จุดเดือดแห้ง 190 องศาเซลเซียส จุดเดือดเปียก 140 องศาเซลเซียส
           DOT 3 จุดเดือดแห้ง 205 องศาเซลเซียส จุดเดือดเปียก 140 องศาเซลเซียส
           DOT 4 จุดเดือดแห้ง 230 องศาเซลเซียส จุดเดือดเปียก 155 องศาเซลเซียส
           DOT 5 จุดเดือดแห้ง 260 องศาเซลเซียส จุดเดือดเปียก 180 องศาเซลเซียส (ส่วนผสมหลักจาก Silicone)
           DOT 5.1  จุดเดือดไม่ต่ำกว่า 260 องศาเซลเซียส จุดเดือดเปียก 180 องศาเซลเซียส   (ส่วนผสมหลักจาก Glycol Ether/Borate Ester)

          ทั้งนี้ "จุดเดือดแห้ง" คือน้ำมันเบรกแบบใหม่แกะกล่องที่ยังไม่ผ่านการใช้งาน "จุดเดือดเปียก" คือน้ำมันที่เบรกที่ผ่านการใช้งานแล้วมาประมาณ 1 ปี หรือมีน้ำปนอยู่ 3.7%


          อย่างประเทศไทยเป็นเขตร้อน-ชื้น โอกาศที่น้ำมันเบรกเสื่อมเร็วกว่าปรกติ ทางที่ดีก็ควรเลือกน้ำมันเบรกที่ DOT สูงไว้ก่อนเพื่อทำให้เสื่อมลงก็ยังสามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา
 

DOT3, DOT4 ที่มี Glycol based oil ที่ดูดความชื้นง่ายและรวมตัวกับน้ำได้ จึงไม่สามารถผสมปนกันได้ 

DOT 5 ที่มี Selicone Based oil มีคุณสมบัติที่ไม่ดูดความชื้นและแยกตัวออกจากน้ำ

DOT 5.1 น้ำมันเบรค DOT 5 ไม่สามารถใช้ได้กับระบบเบรค ABS จึงมีน้ำมันเบรค DOT 5.1 ที่มีส่วนผสมของ Glycol Ether/Borate Ester สำหรับรถรุ่นใหม่ที่มีระบบเบรค ABS

 

รถยนต์โดยส่วนมากมักจะใช้น้ำมันเบรค DOT 3 หรือ น้ำมันเบรค DOT 4 มากกว่า โดยน้ำมันเบรค DOT3 ส่วนใหญ่จะประกอบด้วย Polyalkylene Glycol Ether กับ Glycols based oil ส่วน DOT 4 จะผสม Borate Esters เพิ่มเข้าไปด้วย ซึ่งส่งผลให้มีจุดเดือดที่สูงกว่า และ DOT 4 ของผู้ผลิตหลายรายมีจุดเดือดสูงกว่า DOT 5.1

 

หากคุณใช้น้ำมันเบรค DOT ไหน ก็ให้ใช้เหมือนเดิมถ้าต้องการประหยัดค่าซ่อมบำรุงเพราะน้ำมันเบรคแต่ละชนิดและแต่ละ DOT ห้ามผสมหรือเจือปนเด็ดขาด เพราะจะส่งผลต่อการลดอายุการใช้งานของระบบเบรคได้ ทางที่ดี หากอยากเปลี่ยนเป็นยี่ห้อใหม่หรือเปลี่ยน DOT ก็ควรถ่ายน้ำมันเบรคของเดิมออกให้หมดก่อน และอย่าลืมจดจำเอาไว้ว่าล่าสุดใช้ยี่ห้ออะไรและ DOT เท่าไหร่ เมื่อต้องเปลี่ยนน้ำมันเบรคจะได้หาซื้อน้ำมันเบรคได้ถูกต้อง และถ้าไม่รู้ว่ารถยนต์ของท่านเติมอะไรมาตอนก่อนซื้ออ่านในสมุดคู่มือครับเค้ามีบอกไว้นะครับ

 

ส่วนมากระดับปริมาณของน้ำมันเครื่องควรจะอยู่ที่ขีด Max อยู่ตลอดเวลาแต่ถ้าเช็คแล้วระดับของน้ำมันเบรคมันลดลง นั้นหมายความว่าอาจมีบางอย่างผิดปกติ

ต้องลองเช็คอยู่ครับมันมีอยู่หลายสาเหตุ เอาหลักๆเลยนะครับผ้าเบรค เพราะน้ำมันเบรคจะลดลงตามระดับความหนาบางของผ้าเบรค ถ้าผ้าเบรคของเราบางใกล้หมด น้ำมันเบรคมันก็จะพร้องลงไปบ้าง

แต่ถ้าผ้าเบรคคุณยังหนาๆอยู่แล้วน้ำมันเบรคพร่องลงไปอย่าเพิ่งตกใจลองเติมดูก่อน แต่พอเติมเสร็จต้องมั่นตรวจเช็คและสังเกตุดูถ้ามันพร่องลงไปอีกในระยะเวลาไม่นาน หรือมันลดลงเร็ว สันนิฐานได้เลยครับว่ามีการรั่วซึมในระบบแน่นอน ใช้เช็คดูตามสายเบรคครับว่ามีจุดรั่ว หรือซึมตรงไหน โดยให้สังเกตุจากรอยคราบน้ำมันที่เปื้อนตามท่อครับ เพราะถ้าไม่มีการรั่วซึมจะไม่มีน้ำมันไหลออกมาเปื้อนได้แน่นอน

มีอีกจุดที่ทำให้น้ำมันเบรคพร่องได้นั้นก็คือ แม่ปั้มเบรคตัวติดหม้อลมครับ ตัวดีเลยเช็คยากด้วย ตัวนี้ถ้ามันจะรั่วข้างใน หมายถึงลูกยางที่ลูกสูบเบรคเสื่อมสภาพ หรือกระบอกเบรคเป็นรอยตามด มันจะทำให้ขณะเราเบรคมีแรงดันไม่พอระยะเบรคมากขึ้นกว่าเดิม

วิธีการ ตรวจว่ารั่วหรือไม่ ติดเครื่องเหยียบเบรคแบบย้ำ คือเหยียบปล่อยๆ ระบบจะทำให้แป้นเบรคสูงขึ้น พอแป้นเบรคสูงขึ้น ให้เหยียบแป้นเบรคไว้จับเวลาดู ถ้าแป้นเบรคเคลื่อนตัวลงไปได้เรื่อยๆ คำตอบรั่วจริงครับ ถ้าปกติแป้นเบรคจะไม่ยุบเลย ย้ำครับ ต้องติดเครื่องด้วยไม่งั้นแป้นเบรคจะแข็งเร็วเพราะลมในหม้อพักหมด

ส่วนการรั่ว ถ้ามองด้วยตาก็พอจะเห็นรอยเปียก จนถึงหยดลงพื้นได้  แต่มีบางจุดที่มองไม่ออก

1 รั่วที่แม่ปั๊ม น้ำมันเบรคจะไปท่วมอยู่ในหม้อลม  ถ้านานเข้า จะเห็นรอยเปียกที่ฐานหม้อลม

2 รั่วที่กระบอกเบรค ถ้ายังไม่มาก จะขังอยู่ในยางกันฝุ่น

หากมีการพร่องของน้ำมันควรรีบตรวจระบบเบรคนะครับ

ถ้าสภาพน้ำมันเบรคมีสีดำ แสดงว่าลูกยางเบรคเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรคใหม่ และควรเปลี่ยนลูกยางเบรคใหม่ด้วย

โดยปกติเราควรเปลี่ยนผ้าเบรคทุก 50,000 – 80,000 กม. สำหรับรถเกียร์ธรรมดา

ถ้าเป็นรถเกียร์อัตโนมัติควรเปลี่ยนทุก 50,000 กม.

ส่วนน้ำมันเบรคควรเปลี่ยนทุก 40,000 กม. ไม่ควรใช้น้ำมันเบรคที่เปิดฝาไว้แล้วเกินกว่า 1 ปี เนื่องจากน้ำมันเบรคเป็นสารดูดความชื้น น้ำมันเบรคอาจเสื่อมสภาพเนื่องจากจุดเดือดลดลง ส่งผลให้น้ำมันเบรคเดือดได้ง่ายเมื่อใช้งานเบรคอันจะมีผลต่อประสิทธิภาพการเบรค

 
Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้